ในขณะที่ฟางถังชี้ไปที่ตรอกซอกซอย เขาก็ก้าวไปข้างหน้าวางแผนที่จะวิ่งไปดูด้วยตัวเอง
แต่โหลว จื่อกุ้ย ก็พูดขึ้นอย่างเคร่งขรึมว่า "อย่าไป มีคนอยู่ด้านบนของกำแพง"
ฟางถัง รีบมองขึ้นไปและเห็นเงาที่สวมเสื้อสีดำสองคนยืนอยู่บนยอดกำแพงทั้งสองด้าน
ใบหน้าของพวกเขาถูกปกคลุมด้วยผ้าสีดำ ทำให้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกลักษณะของพวกเขาได้
"แคว้นฮูเหนือหรือ?" ฟางถังรู้สึกประหลาดใจ เพียงสองคนก็สามารถที่จะรั้งซองจิน
และคนของเขาไว้ได้แล้วหรือ?
"ถ้าพวกเขาเป็นพวกป่าเถื่อนทางแคว้นฮูเหนือ
ทำไมพวกเขาถึงไม่ฆ่าข้า?" โหลว จื่อกุ้ยพูดขึ้นเบา ๆ ฟางถังเองก็รู้สึกประหลาดใจ
"คนของอุปราชเซี่ย" โหลว
จื่อกุ้ยพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น
"อะไรนะ?" ฟางถัง ต้องการตะโกนขึ้น แต่ก็บังคับตัวเองเอาไว้
โหลว จื่อกุ้ย สังเกตสถานการณ์ของสนามต่อสู้
หนิง เสี่ยวเหยา กำลังต่อสู้อยู่ขณะที่มือถืออิฐอยู่เหนือศีรษะของนาง
แมวดำนั่งอยู่บนไหล่ของนาง ในขณะที่มันแยกเขี้ยวและกรงเล็บของมัน ทั้งคู่ทำให้ดูเหมือนสีดำและสีขาว
น่าขบขันเป็นอย่างมาก ทำให้โหลว จื่อกุ้ย หัวเราะออกมาเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ อุปราชเซี่ยคงจะไม่เคยคาดคิดว่าจะเลี้ยงหลานสาวออกมาได้เป็นเช่นนี้
ใช่ไหม?
"พวกเขาเป็นคนของอุปราชเซี่ยจริงๆ
หรือ?" ฟางถังไม่เข้าใจว่าทำไมท่านแม่ทัพสูงสุดของเขายังสามารถหัวเราะออกมาได้ในสถานการณ์เช่นนี้
"อะไรที่เจ้าจิ้งจอกเฒ่าต้องการ?"
"เขาต้องการที่จะทำให้ฝ่าบาทตกใจและหวาดกลัวด้วยการตายของข้า"
รอยยิ้มของโหลว จื่อกุ้ยหายไป ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นขึ้น องครักษ์มังกรพิทักษ์จะปกป้องหนิง
เสี่ยวเหยา จนตาย ซึ่งสามารถซื้อเวลามากพอที่จะทำให้เขาจะตายในมือของแคว้นฮูเหนือ
เมื่อเขาตายไป อุปราชเซี่ย ก็จะนำคนของเขาไปช่วยฮ่องเต้ มันเป็นเหมือนการตีวัวกระทบม้า
การฆ่าศัตรูของเขาในขณะที่สอนบทเรียนที่รุนแรงให้หลานสาวที่ไม่เชื่อฟังของเขา โหลว
จื่อกุ้ย มองอย่างเย็นชาไปที่ชายสองคนที่อยู่บนกำแพง
ในตรอกที่ยาวและแคบ อุปราชเซี่ย
ยืนอยู่ในขณะที่มือไขว่หลัง และเดินวนไปรอบ ๆ ส่วนซองจินและกองกำลังทหารม้าพิเศษ และคนที่เหลือจากกองกำลังมังกรพิทักษ์ทั้งหมดต่างก็นอนอยู่ที่พื้น
จิตใจของพวกเขาตื่นตัว แต่พวกเขาไม่มีความรู้สึกที่แขนขาของพวกเขาแม้แต่น้อย และพวกเขายังไม่สามารถพูดได้อีกด้วย
"ท่านอุปราช"
ชายชุดดำคนหนึ่งกระโดดลงมาจากกำแพง ก่อนที่จะนั่งชันเข่าข้างหนึ่งลงไปต่อหน้าเขา
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาขึ้น "แคว้นฮูเหนือกำลังจะพ่ายแพ้ขอรับ"
อุปราชเซี่ย หยุดชะงัก "เจ้าแน่ใจหรือ?"
"ขอรับ" ชายชุดดำไม่ได้พูดอะไรมาก
เพียงแต่ตอบขึ้นสั้นๆ
อาวุธที่ทรงพลังที่สุดจากกลุ่มคนป่าเถื่อนแคว้นฮูเหนือก็คือลูกศรเก้าหัว
หนึ่งคันธนูสามารถยิงลูกศรเก้าดอกออกไปพร้อมกันได้ มันเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในสนามรบ
เมื่อพวกเขาโจมตีเมืองและยึดดินแดน แต่น่าเสียดายที่รถม้าของหนิง เสี่ยวเหยา ทำให้พลธนูกว่าครึ่งหนึ่งได้รับบาดเจ็บ
เมื่อเธอกระโดดขึ้นไปฆ่าส่วนที่เหลือ สำหรักมือธนู ระยะใกล้ๆ ก็ไม่มีประโยชน์
จากช่วงเวลานั้นแคว้นฮูเหนือจึงต้องกับความพ่ายแพ้
อุปราชเซี่ยยกมือเพื่อยกเลิกการส่งสาร
ก่อนที่จะจับคอเสื้อของเขา แล้วค่อยๆเดินไปยังที่ที่มีแสงสว่างในตรอกและนั่งลงไป ซึ่งขณะนั้นไม่มีใครเห็นการแสดงออกของเขา
ใบหน้าที่สงบของเขาเปลี่ยนไปเป็นความเศร้าหมอง เขาไม่ได้มาวันนี้เพื่อโหลว
จื่อกุ้ย เพราะมันไม่มีประโยชน์ที่เสียสละคนของเขาเพื่อคนที่ใกล้ตาย
เขาได้นำนักสู้ผู้เชี่ยวชาญทุกคนมาร่วมรบและวางยาซองจินและส่วนที่เหลือ เพื่อที่จะทำให้หนิง
เสี่ยวเหยาได้เฝ้าดูโหลว จื่อกุ้ย ไปตายได้ต่อหน้าต่อตา เมื่อนางรู้สึกถึงความตายด้วยน้ำมือของนาง
นางก็จะเข้าใจว่าชีวิตของนางจะไม่เหมือนเดิมหากไม่มีตระกูลเซี่ย นางจะเข้าใจสถานะที่ไม่มั่นคงของนาง
ผู้ช่วยที่มีฝีมือที่สุดของอุปราชเซี่ย อวี่ อี้ เดินไปที่ด้านข้างและพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำขึ้น
"ท่านอุปราช ทหารเหล่านี้ถูกสารพิษที่มีศักยภาพมาก
ตอนนี้ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับแคว้นฮูเหนือ บางทีท่านอุปราชควรรจะพิจารณาวิธีการที่จะจัดการกับคนเหล่านี้นะขอรับ? "
อุปราชาเซี่ย ไม่ได้วางแผนที่จะเก็บชีวิตซองจินและคนของเขาเอาไว้
แต่ตอนนี้เขาไม่มีโอกาสที่จะไปช่วยฮ่องเต้ ถ้าเขาไม่สามารถกดดันหนิง เสี่ยวเหยา แล้วเขาจะฆ่าซองจินและคนอื่นได้อย่างไร?
"ท่านอุปราชสามารถใช้ชีวิตของคนเหล่านี้เป็นหลักประกันในที่ประชุมที่ท้องประโรงในอีกสองวันได้นะขอรับ"
อวี่ อี้ เป็นชายวัยกลางคน แต่ผมของเขาได้กลายเป็นสีขาวไปแล้ว ในขณะที่เขาก้มลงและพูดขึ้น
"แต่ถ้าเราทำเช่นนั้นท่านอุปราชและฝ่าบาทก็จะไม่มีความรู้สึกดีๆเหลืออยู่อีก"
อุปราชเซี่ยส่ายหัวด้วยรอยยิ้มอันเยาะเย้ย เพื่อประโยชน์ของอำนาจและอำนาจที่มั่นคง
หนิงหยูได้ทอดทิ้งความสัมพันธ์อันยาวนานของมิตรภาพระหว่างพวกเขาไปแล้ว
นกกระจอกบางตัวยืนอยู่บนกำแพงด้านหลังอุปราชเซี่ย
หลังจากเฝ้าดูชายสองคนเงียบ ๆ ในขณะที่พวกเขาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
นกกระจอกบางตัวก็บินออกจากกำแพงและลงไปที่อาคารเล็ก ๆ และพวกมันก็เริ่มร้องและร้องขึ้น
"ปู่นกกระจอก อุปราชเซี่ยนั้นชั่วร้ายเกินไปแล้ว!"
นกกระจอกตัวน้อยร้องขึ้นในขณะที่มันกระโดดไปรอบ ๆ "ชั่วร้าย เจี๊ยก ๆ เจี๊ยก
ๆ ~"
ปู่นกกระจอกใช้ปากของเขาแปลงขนนกกระจอกตัวน้อย
"คนอย่างนั้นจะจมลงไปสู่นรกขั้นที่ 18 หลังจากที่เขาตาย เขาจะได้ใช้เวลาของเขาเพื่อที่จะเสียใจกับมัน
"
"แล้วตอนนี้เล่า?" นกกระจอกอีกตัวหนึ่งถามอย่างกระวนกระวายใจขึ้น
"ไปตามหาเสี่ยวเหยา" คุณปู่กระจอกสั่งขึ้น
"บอกนางว่าจิ้งจอกเฒ่า ได้เริ่มแผนการที่ชั่วร้ายของเขาอีกครั้งแล้ว"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น