แม่ของเธอและตาของเธอเป็นคนร้ายในที่นี่
ความจริงนี้ทำให้หูของ หนิง เสี่ยวเหยา เปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้น ในขณะที่เธอเผชิญหน้ากับมังกรพิทักษ์ที่สามารถหลีกเลี่ยงความตายได้อย่างหวุดหวิด
เมื่อเงาพายุ คุกเข่าลงไปบนพื้น เขาก็ยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้อย่างเต็มที่
ร่างกายของเขาจึงสั่นเทาขึ้น หนิง เสี่ยวเหยา เอื้อมมือออกไปและดึงเขาขึ้นมา คราวนี้เธอใช้พลังมากพอที่จะยกเงาพายุขึ้นจากพื้นได้เลยทีเดียว
ต่อมาก็เป็นเงาฟ้าร้อง เงาสายฟ้า และเงาสายฝน เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นและเห็นกองทัพทหารมังกรพิทักษ์เต็มไปทั่วลาน
หนิง เสี่ยวเหยาถึงกับกัดฟัน และเธอดึงพวกเขาขึ้นมาช้าๆ เลวร้ายที่สุดเธอก็ต้องดึงพวกเขาขึ้นมาให้หมด
ก่อนที่จะไปหาอะไรกิน
โหลว จื่อกุ้ย นั่งอยู่บนบันไดในขณะที่เขาเฝ้าดูหนิง
เสี่ยวเหยาพร้อมด้วยจิตวิญญาณที่เหลือน้อยนิด กำลังช่วยดึงมังกรพิทักษ์ขึ้นมาทีละคนๆ
ท่านแม่ทัพสูงสุดโหลว รู้ดีว่าต่อจากนี้ไปมังกรเหล่านี้จะมีเจ้านายคนใหม่แล้ว
ในเวลาเดียวกันหนิง เสี่ยวเหยา ก็ได้รับกองทัพทหารที่ยอดเยี่ยมที่จะเชื่อฟัง โดยไม่คำนึงถึงพ่อลูกตระกูลเซี่ย
แต่ใบหน้าของโหจว จื่อกุ้ย ก็ยังคงดำมืดในขณะที่เขาเฝ้าดูหนิง
เสี่ยวเหยาดึงมังกรพิทักษ์ขึ้นและลูบหลังของพวกเขา คนผู้นี้ไม่รู้หรือว่าชายและหญิงควรรักษาระยะห่างเอาไว้
ด้วยความพยายามหนิง เสี่ยวเหยา สามารถดึงทุกคนลุกขึ้นจากพื้นได้และเช็ดหน้าผากของเธอก่อนที่จะพูดขึ้น
"พวกเจ้าทุกคนกลับบ้านและไปพักผ่อนได้ ข้าจะให้พวกเจ้าได้พักผ่อนเป็นเวลาสามวัน
ก่อนที่พวกเจ้าจะกลับมาทำงานอีกครั้ง อีกอย่างค่าแรงของพวกเจ้าก็จะยังคงเหมือนเดิม
ทุกคนคิดอย่างไรเกี่ยวกับการคำสั่งของข้า? "
เงาพายุกำลังจะนำฝูงชนคุกเข่าลงไปอีกครั้ง
"อย่า!"
สายตาที่คมชัดของหนิง เสี่ยวเหยา เรียกความสนใจของเขาได้ในขณะที่เธอตะโกนออกมาดัง
ๆ "ถ้าพวกเจ้าคุกเข่า ข้าก็จะต้องช่วยดึงพวกเจ้าทั้งหมดขึ้นมาอีกครั้ง มันเหนื่อย!
"
"ฮึกกกกกก" ฟางถังไม่สามารถระงับอาการขำของเขาเอาไว้ได้
ส่วนที่เหลือของทหารม้ากองกำลังพิเศษไม่สามารถต้านทานเสียงหัวเราะเอาไว้ได้
ในขณะที่พวกเขามองไปที่หนิง เสี่ยวเหยา แค่สั่งมาคำเดียวก็เพียงพอที่จะให้องครักษ์มังกรยืนขึ้นแล้ว
แต่ฮ่องเต้พระองค์นี้กลับช่วยดึงคนแล้วคนเล่าขึ้น มันจึงทำให้องครักษ์มังกรไม่กล้าที่จะลุกขึ้นด้วยตัวเอง
ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงทำได้เพียงคุกเข่าจนกว่าจะถึงคราวของพวกเขาเพื่อที่จะลุกขึ้น
ทำไมฝ่าบาทถึงต้องเลือกทำอะไรที่ลำบากเช่นนี้?
เงาพายุ โค้งคำนับต่อหนิง
เสี่ยวเหยาก่อนจะพูดขึ้น "ฝ่าบาท พวกกระหม่อมไม่จำเป็นต้องพักผ่อนพ่ะย่ะค่ะ"
“ทำเช่นนั้นไม่ได้” หนิง เสี่ยวเหยาส่ายหัว
"พวกเจ้าไม่สามารถไปทำงานในขณะที่บาดเจ็บได้ ข้ายังคงมีสงครามที่ยากลำบากให้ต้องต่อสู้ที่ท้องพระโรงในอีกเวลาสามวัน
เจ้าเรียกว่าเงาพายุใช่ไหม” หนิง เสี่ยวเหยาถามขึ้นในขณะที่เธอมองไปที่เงาพายุ
เงาพายุ รีบตอบขึ้นทันที
"พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท
กระหม่อมได้รับพระราชทานชื่อว่าเงาพายุจากฮ่องเต้พระองค์ก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
"โอ้" หนิง
เสี่ยวเหยาถามขึ้นอีก "เช่นนั้นนามสกุลของคุณคือเงาหรือ?" เป็นนามสกุลที่แปลกมาก
"เจ้าโง่!" หัวหน้าแมวดำวิ่งเข้าไปเหยียบเท้าของหนิง
เสี่ยวเหยาด้วยอุ้งเท้าของมัน "เงาเป็นชื่อสมมุติของกองกำลังมังกรพิทักษ์ คน
300 คนเหล่านี้ทั้งหมดต่างก็มีคำว่าเงาอยู่หน้าชื่อของพวกเขา คนไม่เต็มเต็ง
ทำไมเจ้าถึงไม่รู้อะไรเลย? เหมียว!”
"... ... " หนิง
เสี่ยวเหยาถึงกับพูดไม่ออก ทำไมเจ้าแมวอ้วนดำยังวนเวียนอยู่รอบ ๆอีก?
เหยี่ยวน้องร้องขึ้น"เจ้านายของข้าเป็นผู้นำของกองกำลังมังกรพิทักษ์
เจ้านายของข้าแข็งแกร่งที่สุด เจ้านายของข้า ... "
"หุบปาก" หนิง เสี่ยวเหยา
ตะโกนใส่เหยี่ยวน้อย ด้วยความรำคาญ! ทุกคนที่อยู่ในลานต่างก็จ้องมองไป
ไม่มีใครได้พูดอะไรแม้แต่น้อย
หลังจากยกขาและเตะหัวหน้าแมวดำออกไป
หนิง เสี่ยวเหยา ก็พูดกับเงาพายุขึ้นอีกครั้ง "พาพี่น้องของเจ้าไปพักผ่อน
เราจะพบกันอีกในสามวัน สายลมสอง เจ้าต้องเชื่อฟัง ลาก่อน”
หนิง เสี่ยวเหยาหันกลับไปเพื่อออกตามหาห้องครัวต่อไป
เธอไม่ได้อยู่ในโลกที่กำลังจะแตกอีกต่อไปแล้ว แต่กระเพาะอาหารของเธอยังคงหิวโหย
นี่เป็นสิ่งที่ยากที่จะยกโทษให้ไม่ได้
"สายลมหรือ?" เงาสายฝน ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ ในขณะที่มองไปทางพี่ใหญ่ของเขา
หนิง เสี่ยวได้ก้าวยาวๆ ออกไปจากคุกหลวงและเดินจากไปแล้ว
ใบหน้าเงาพายุ ราวกับท่อนไม้
เขาเป็นคนที่มีความจงรักภักดีอยู่เหนือสิ่งอื่นใดให้กับคนที่เขาได้เรียกว่านายแล้ว
หนิง เสี่ยวเหยาเป็นนายของเขาแล้วในตอนนี้ ดังนั้นไม่จึงไม่เป็นอะไรที่เขาจะถูกเรียกว่า
สายลม หรือสายฝน หรือแม้แต่หิมะ
โหลว จื่อกุ้ยค่อยๆลุกขึ้นยืนจากบันได
สิ่งที่เคยเป็นเรื่องที่ง่ายดายตอนนี้กลับทำให้เขาแทบจะหมดแรง ซองจินรีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อดูเขา
เนื่องจากได้เห็นการแสดงออกของโหลว จื่อกุ้ย เขาจึงถามขึ้น "ท่านแม่ทัพสูงสุด
ท่านรู้สึกไม่สบายหรือขอรับ?"
โหลว จื่อกุ้ย ส่ายหัว "ไปกันเถอะ"
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำ
เงาพายุเดินอยู่ข้างๆ ของโหลว
จื่อกุ้ย ก่อนจะตามมาด้วย เงาสายฟ้า เงาสายฝนและเงาฟ้าร้อง ในฐานะหนัวหน้ากองกำลังองครักษ์มังกรพิทักษ์เขารีบคำนับให้กับ
โหลว จื่อกุ้ยอย่างจริงจังทันที ก่อนจะพูดขึ้น"ขอบคุณท่านแม่ทัพสูงสุดสำหรับความช่วยเหลือของท่าน"
"มันเป็นฝ่าบาทคนที่ช่วยเจ้าเอาไว้"
โหลว จื่อกุ้ยพูดขึ้นเบาๆ
เงาพายุไม่ได้พูดอะไร แต่กลับคำนับให้กับโหลว
จื่อกุ้ย อีกครั้ง ร่างของเขาถูกทรมานและเต็มไปด้วยบาดแผล ดังนั้นหลังจากที่คุกเข่าให้กับหนิง
เสี่ยวเหยา และคำนับให้กับโหลว จื่อกุ้ย บาดแผลของเขาจึงฉีกออกอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องยากที่จะเห็นเลือดได้เนื่องจากเสื้อผ้าสีดำของเขา โหลว
จื่อกุ้ย เป็นชายในสนามรบ ดังนั้นเขาจึงจับกลิ่นเลือดจากร่างกายของเงาพายุได้อย่างง่ายดาย
เสียงของเขาลดลงในขณะที่เขาพูดขึ้น
"อย่าไปที่ตำหลักหมอหลวง จงมุ่งหน้าไปที่ตำหนักของฝ่าบาทแทน ที่นั้นมีหมอหลวงที่สามารถรักษาบาดแผลของพวกเจ้าได้
ข้าจะให้ฟางถังและคนอื่นๆ ไปหาซื้อยามาจากนอกวัง "
สายตาของเงาพายุยกขึ้นมองไปที่โหลว
จื่อกุ้ยทันที
"พระพันปีเซี่ยไม่ใช่คนที่ยอมรับความพ่ายแพ้ได้อย่างง่ายดาย"
โหลว จื่อกุ้ยยกมือขึ้นด้วยท่าทางอ่อนแรงและตบเบา ๆลงไปบนไหล่ของเงาพายุ "ในเมื่อฝ่าบาทช่วยให้พวกเจ้ารอดพ้นมาได้
พระองค์คงจะไม่ต้องการให้เจ้าตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายอีกครั้ง ไปที่ตำหนักมังกร
การมีชีวิตอยู่เท่านั้นพวกเจ้าถึงจะสามารถรับใช้ฝ่าบาทได้ "
"ขอรับ" เงาพายุซาบซึ้งกับคำพูดของโหลว
จื่อกุ้ ชีวิตของพวกเขามีราคาถูก แต่เนื่องจากชีวิตดังกล่าวสามารถมีประโยชน์ต่อฝ่าบาทได้
ดังนั้นเขาจะต้องทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอด
โหลว จื่อกุ้ย ใช้กำลังจนหมดแรง แต่ก็รวบรวมลมหายใจขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่จะพูดขึ้น
"ข้าจะกลับไปที่ตำหนักมังกร กับพวกเจ้าทุกคน"
เงาพายุและส่วนที่เหลือของกองกำลังองครักษ์มังกรพิทักษ์ได้ถูกขังอยู่ในคุกหลวง
ในคืนต่อมาหลังจากที่ราชโองการของฮ่องเต้พระองค์ก่อนได้ตกอยู่ในมือของพระพันปีเซี่ย
ดังนั้นพวกเขาขึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโหลว จื่อกุ้ย และเมื่อ เงาพายุ ได้ยินว่าเขาจะมากับพวกเขาด้วย
เขาก็จ้องมองไปที่เขาทันที นี่มันก็ดึกมากแล้ว ท่านแม่ทัพสูงสุด โหลว
วางแผนที่จะพักค้างคืนที่ตำหนักมังกรหรือ?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น