ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

Beloved Empress ฮองเฮาสุดที่รัก (นิยายแปล) ตอนที่ 1 : ข้ามเวลามาจริงๆ หรือ



          ห้าวันต่อมา ในพระราชวังตำหนักหงส์ ภายในห้องบรรทมของฮองเฮา สายลมเย็นๆ พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ยกผ้าม่านมัสลินสีชมพูให้สะบัดไปมา


            บุคคนที่มีลักษณะท่าทางของความเป็นกังวลกำลังยืนอยู่หน้ากระจกทองแดง ที่แกะสลักไว้ด้วยลายมังกรและหงส์อย่างงดงาม


            สามวันหลังจากที่นางได้ลืมตาตื่นขึ้นมา โม่ฉีฉีแทบไม่อยากจะเชื่อว่านางได้ย้อนเวลากลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง


            ชื่อของนางยังคงเหมือนเดิม แต่บุคคลที่อยู่หน้ากระจกกลับมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป งดงาม ละเอียดอ่อน ช่างแตกต่างจากใบหน้าที่อ่อนหวานและน่ารักของนางอย่างสิ้นเชิง นางได้กลับมาเกิดใหม่จริงๆ หรือ ก่อนจะหยิกใบหน้าของตัวเอง


โอ๊ย!”


            องค์ฮองเฮาพระนางไม่เป็นอะไรใช่ไหมเพคะ”เมื่อเห็นพฤติกรรมที่ผิดปกติของเจ้านายตัวเอง ปันเซียงก็ร้องขึ้นด้วยความเป็นห่วง


            โม่ฉีฉีกำลังจะบ่นออกไป แต่ใขณะที่นางต้องการที่จะระเบิดเสียงออกไป นางก็ได้ยินเสียงร้องไห้ดังประสานงาขึ้นมาจากด้านนอก


            ในเวลาต่อมา นางก็มองเห็นกลุ่มของสาวงามที่แต่งตัวสวยงามหรูหราเดินตรงเข้ามาหานาง พร้อมกับร้องไห้ราวกับนกน้อยผู้น่าสงสาร


            โม่ฉีฉีเห็นดังนั้นก็ถามปันเซียงขึ้นทันที


            นี่มันอะไรกัน มีการประกวดหญิงงามหรือ”เนื่องจากนางไม่ได้รับความทรงจำของร่างนี้ นางจึงไม่รู้จักใครที่นี่เลยแม้แต่คนเดียว


            ทูลฮองเฮาเพคะ พวกนางเหล่านี้ต่างเป็นพระสนมเพคะ”ปันเซียงเหลือบมองไปที่เจ้านายของนางด้วยความเป็นห่วง นับตั้งแต่ที่ฮองเฮาตื่นขึ้นมามีหลายสิ่งที่พระนางจำไม่ได้ ราวกับว่าพระนางเป็นคนละคนกัน


            โม่ฉีฉียืดอกขึ้น ก่อนจะมองออกไปยังหญิงงามที่มากมายด้านนอก


            ยิ่งพวกนางมองเห็นโม่ฉีฉี พวกหญิงงามก็ยิ่งร้องไห้ดังมากขึ้นอีก แทบจะพังหลังคาของนางได้อยู่แล้ว


            โม่ฉีฉีรู้สึกรำคาญเสียงห้องไห้ของพวกนางเหลือขนาด แต่ด้วยความเย่อหยิ่งในนามของฮองเฮา นางจึงตำหนิพวกนางออกไปด้วยความโกรธเท่านั้น


            ดีจริงๆ ดึกขนาดนี้ยังไม่หลับไม่นอนกันอีก แต่มาที่นี่เพื่อมาร่วมไว้อาลัยร้องไห้โอดครวญ ข้ายังไม่ตายเห็นหรือยัง”


            แล้วหญิงงามในชุดสีเหลืองก็พูดขึ้น


            ฮองเฮาเพคะ มันอาจจะเป็นเพราะพระนางยังไม่ทราบ ฝ่าบาทจะทรงให้จัดงานเลี้ยงขึ้นในพระราชวังตำหนักพิธีการเพคะ พระองค์ต้องการที่จะหาลือเกี่ยวกับตำแหน่งของแม่นางหยาง ทำให้แม่นางหยางกลายเป็นกุ้ยเฟยเพคะ ตอนนี้เหล่าขุนนางทั้งหลายต่างไปร่วมแสดงความยินดีแล้วเพคะ”


            เมื่อโม่ฉีฉีได้ยินเรื่องนี้ นางก็ส่ายหัวอย่างไม่เห็นด้วย


            นี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเกิดขึ้น แล้วเหตุใดพวกเขาถึงได้ร้องไห้เช่นนี้ ข้าก็นึกว่าใครตายเสียอีก”


            แล้วทันทีฝูงชนของนางสนมต่างก็หยุดการร้องไห้ของพวกนางลง ก่อนจะมองหน้ากันและกัน พวกนางเริ่มกระซิบกระซาบอย่างงงงวยขึ้น


            นี้มันเกิดอะไรขึ้น โดยปกติแล้ว เมื่อใดก็ตามที่องค์ฮองเฮาได้ยินเกี่ยวกับฝ่าบาทและแม่นางหยาง ซื่อหาน อยู่ด้วยกัน พระนางจะเต็มไปด้วยความโกรธทันที วันนี้พระนางได้ยินเรื่องที่ฝ่าบาทต้องการที่จะหาลือเรื่องตำแหน่งของแม่นางหยาง ซื่อหาน แต่พระนางกลับสงบได้ขนาดนี้ อย่าบอกข้านะว่าพระนางได้กลายเป็นคนโงเง่าที่เกิดขึ้นจากการตกจากที่สูงไปแล้ว”


            เป็นไปได้” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย


            ตานเซียงเต็มไปด้วยความโกรธ


            หยาง ซื่อหาน นางผู้หญิงต่ำช้า จริงๆ ก็อยากจะเป็นกุ้ยเฟยจนตัวสั่น”


            โม่ฉีฉี รู้สึกเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำไมทุกคนถึงได้ต่อต้านหยาง ซื่อหานผู้นี้มากนัก หรือว่าคนผู้นี้จะเป็นชายไม่จริงหญิงไม่แท้ หรือว่าอาจจะเป็นผู้ชาย


            โม่ฉีฉี จู่ๆ ก็อยากรู้ถึงการจบชีวิตลงของร่างนี้ขึ้นมา เป็นเวลาสามวันมาแล้วหลังจากที่นางได้กลับมาเกิดใหม่ แต่นอกเหนือจากการอยู่ในอาการงุนงงในช่วงสามวันที่ผ่านมา นางก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังหลงทาง ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น นางไม่ได้ทำอะไรเลยแม้แต่น้อย หวังว่านี้จะเป็นเพียงแค่ความฝัน และเมื่อนางตื่นขึ้นมา นางก็จะกลับไปอยู่ในโลกสมัยใหม่ตามเดิม แต่ตอนนี้มันดูเหมือนกับว่านางจะต้องเผชิญหน้ากับความจริงเสียแล้ว สิ่งแรกก็คือต้องเคาะแน่นชีวิตที่น่าสงสารชีวิตนี้ของนางเอาไว้ก่อน จากนั้นค่อยคิดหาวิธีที่จะกลับไป


            ก่อนจะเอียงตัวเข้าไปใกล้กับปันเซียง แล้วถามขึ้นในน้ำเสียงที่ต่ำ


            ปันเซียงให้ข้าถามเจ้าหน่อย ข้าได้รับบาดเจ็บและหมดสติไปได้อย่างไร”ไม่ใช่เจ้าของร่างนี้เป็นถึงฮองเฮาหรอกหรือ แล้วใครจะกล้าทำร้ายนางได้ หรือมันอาจจะเป็นเพราะฮ่องเต้ต้องการที่จะแต่งงานกับหยาง ซื่อหาน ฮ่องเต้จึงได้วางแผนทั้งหมดนี้ขึ้น


            ปันเซียงลังเลอยู่เล็กน้อย เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น ฮ่องเต้ได้ห้ามไม่ให้มีการกล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทั่งนั้น ดังนั้นนางจึงไม่กล้าที่จะบอกความจริงให้กับฮองเฮาให้ได้รับรู้


            นางไม่มีทางเลือก และด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยวจึงได้พูดออกมา


            ทั้งหมดเป็นเพราะนางผู้หญิงต่ำช้าหยาง ซื่อหานเป็นผู้ก่อเรื่องเพคะ นางไม่มีอะไรจะทำ นอกจากไปล่อลวงฝ่าบาททันทีที่นางได้เข้าวังมาเพคะ ทำให้พระองค์หลงใหลในตัวนาง และทำให้พระนางเต็มไปด้วยความโกรธแค้นอยู่ตลอดเวลาเพคะ”


            ห้าวันก่อน พระนางได้มีการพูดคุยกับแม่นางหยางที่หอชมสวนเพคะ แล้วในที่สุด นางผู้หญิงต่ำช้าผู้นั้นก็ทำให้พระนางโกรธ แล้วทั้งสองก็เริ่มต่อสู้กัน ผลที่ออกมาก็คือ ทั้งสองคนตกลงมาจากหอชมสวนในเวลาเดียวกันเพคะ ในเวลานั้นฮ่องเต้ได้เสด็จมาถึง แต่ว่า ..แต่ว่าพระองค์กลับช่วยเหลือนางผู้หญิงต่ำช้าเอาไว้ ส่วนพระนางก็..”


            ปันเซียงสูดลมหายใจเข้าลึกครั้งหนึ่ง เตรียมความพร้อมในการเปิดกิจการน้ำประปาขึ้น


            เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้น โม่ฉีฉีก็หยุดปันเซียงเอาไว้ก่อน


            เอาล่ะๆ ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าเข้าใจแล้ว” มันอาจจะเป็นเพราะเจ้าของร่างกายนี้ได้แต่งงานกับคนนิสัยไม่ดี ผู้ชายไร้หัวใจ นรกชัดๆ ถ้านางสามารถที่จะกลับไปยังบ้านเดิมของนางได้ล่ะก็ สิ่งแรกที่นางจะทำก็คือไปหาผู้ชายไร้หัวใจสักคน แล้วก็อัดมันให้น่วม แล้วก็เตะผ่าหมากให้หนักๆ จนทำให้มันไม่สามารถที่จะเลื่อนกลับลงมาได้อีกเลยคอยดู


            พระนางอย่าทรงเสียพระทัยไปเลยเพคะ ฝ่าบาทเพียงแค่ลุ่มหลงอยู่กับนางจิ้งจอกเพียงชั่วคราวเท่านั้น พระทัยของฝ่าบาทไม่ช้าหรือเร็วก็จะต้องกลับมาหาพระนางเป็นแน่เพคะ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการป้องกันไม่ให้นางสุนัขจิ้งจอกเข้ามาในวังได้นะเพคะ”


            นางสนมทั้งหลายต่างรีบตรงเข้ามาปลุกระดมให้โม่ฉีฉีไปสร้างความวุ่นวายทันที


            โม่ฉีฉียิ้มด้วยความรังเกียจ นางสนมพวกนี้ทำราวกับว่านางเป็นคนโง่ ดูเหมือนว่าพวกนางจะใช้ประโยชน์จากเจ้าของร่างคนเก่าไปมากทีเดียว

    

            โม่ฉีฉีเดินไปนั่งลงบนที่ม้านั่งหงส์ มองดูผู้หญิงเหล่านี้ต่างพยายามแย้งชิงความโปรดปรานจากผู้ชายเพียงคนเดียว นางกับพบว่ามันไร้สาระอย่างที่สุด


            ถึงอย่างไรนางก็ได้ครอบครองร่างกายนี้แล้ว นางจะต้องรู้ว่าสามีนิสัยเสียผู้นี้มีชื่อว่าอะไรเสียก่อน


            แล้วโม่ฉีฉีก็เอื้อมมือออกไปเรียกปันเซียงก่อนจะถามขึ้น


            ฮ่องเต้ของเจ้ามีชื่อเรียกว่าอย่างไรหรือ”


            ปันเซียงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ต่ำ


            ฝ่าบาทมีพระนามว่า จุ้นเฉียนเฉิน เพคะ”


            อะไรนะ”โม่ฉีฉีตะโกนขึ้น ทำให้ปันเซียงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางสนมทั้งหลายต่างจ้องมองมาที่นางด้วยความตื่นตระหนก


            โม่ฉีฉีพูดกับตัวเองขึ้น


            อย่าบอกนะว่าไอ้สวะนั่นก็ข้ามเวลามาเหมือนกับข้า ดี ยอดเยี่ยมที่สุด ในที่สุดปฏิปักษ์ตัวฉกาจของป้าคนนี้ก็พบเสียที ดูว่าข้าจะตัดลูกอัณฑะของเขาหรือไม่”


            ปันเซียงไปเตรียมกริชมา”โม่ฉีฉีหรี่ตาคู่สวยของนางลง รอยยิ้มของนางซ่อนสัมผัสของความโหดร้ายเอาไว้


            ปันเซียงเต็มไปด้วยความสับสน


            ฮองเฮาเพคะ พระนางจะเอากริชไปทำอะไรหรือเพคะ”


            เอาไปหาไอ้สวะนั่น”


            ทุกคนต่างมองหน้ากันและกัน “ไอ้สวะหรือ”พวกนางต่างก็ไม่เข้าใจความหมายของมัน


            โม่ฉีฉีอธิบายด้วยความอดทน


            ก็ไปหาฝ่าบาทอย่างไรเล่า”  


            ดวงตาเหล่านางสนมมีประกายของความสุข คิดว่าการยั่วยุของพวกนางนั้นได้ผลแล้ว


            ปันเซียงพยายามที่จะดับไฟโทของเจ้านายของนางทันที


            ฮองเฮาเพคะ พระนางไม่สามารถพกอาวุธยามเข้าเฝ้าฝ่าบาทได้นะเพคะ”


            หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว รีบไปเตรียมการไห้ไว”โม่ฉีฉี ตะคอกกลับทันที


            นางสนมทั้งหลายรีบเข้าร่วมวง


            พระนางบอกให้เจ้ารีบไปเตรียมการก็จงรีบไปเสีย เป็นเพียงนางกำนัลไม่ควรจะทำเรื่องไร้สาระให้มากความ”


            จริงด้วย รีบไปจัดการเสีย”


            ปันเซียงถึงกับขวัญหนีดีฝ่อ ไม่กล้าโต้แย้งกลับไปอีก แล้วก็จากไปเพื่อเตรียมกริชในทันที


            เมื่อโม่ฉีฉีได้กริชมาอย่างสมใจแล้ว นางก็ยิ้มอย่างน่ากลัว ก่อนจะซ่อนมันเอาไว้ในแขนเสื้อ จากนั้นก็มองไปยังเหล่านางสนมทั้งหลายก่อนจะพูดขึ้น


            ตามพี่สาวมา ส่วนเจ้านำทางไป ข้าจะไปหาฮ่องเต้”


           ไม่ใช่ว่าผู้หญิงพระราชวังจะต้องนำเอาดอกไม้สองดอกไปเพื่อเป็นของขวัญในการแสดงความยินดีหรอกหรือ อ่า ลืมไปมันเถอะ ไหนๆ นางก็พึ่งจะมาที่นี่ นางไม่ควรทำจะทำอะไรที่มันเอะอะใหญ่โตจนเกินไป


ตอนแรกมาแล้วค่ะ ขอบคุณกำลังและคอมเม้นท์ค่ะ


        

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น